ROGO storiecats
แมวบริติช (british)

แมวบริติช

แมวบริติช (british) เป็นสายพันธุ์แมวที่มีขนาดกลางถึงใหญ่ มีลักษณะตัวกลมขนสั้นฟูนุ่มน่าสัมผัส ทั้งยังมีนิสัยที่สุขุม สุภาพ ชอบเล่น ชอบปีนขึ้นที่สูง เป็นแมวที่ฉลาด เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็วและเข้ากันได้ง่ายกับคนทั่วไป ชอบอ้อน ชอบให้คลอเคลีย เพื่อแสดงถึงความรัก เป็นแมวที่ปรับตัวเข้าได้กับทุกสถานที่ไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่ขนาดใหญ่สามารถเลี้ยงได้ทั้งคอนโด หรืออพาร์ทเมนต์ทั่วไป การดูแลทำความสะอาด การดูแลเรื่องการหารการกิน ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญเพราะหากขาดการดูแลอย่างรอบด้านอาจนำไปสู่โรคต่าง ๆ ที่จะตามมา เจ้าของควรพาไปตรวจสุขภาพและรับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคอย่างเป็นประจำทุกปี

ประวัติของแมวบริติช

แมวบริติชเป็นแมวสายพันธุ์ที่มีความเก่าแก่อีกสายพันธุ์โดยมีถิ่นกำเนิดมาจากแถบในประเทศอังกฤษ ซึ่งภายหลังนักโบราณได้เปิดเผยถึงตำนานว่า ชาวโรมันได้นำแมวสายพันธุ์บริติชเข้ามาเลี้ยงในแคมป์ทหารตั้งแต่ช่วง 2 พันปีก่อน ก่อนที่จะเกิดการผสมพันธุ์กับแมวในท้องถิ่นจนขยายสายพันธุ์มาเรื่อย ๆ เป็นวงกว้างจนเป็นที่รู้จักหลังจากที่ได้นำแมวสายพันธุ์บริติชออกสู่สายตาชาวโลกเมื่อชาวอังกฤษเอาไปประกวดแมวจนได้รับความนิยมเป็นอย่างมากหลังจากแข่งขันจบลง และกลายเป็นที่นิยมต่อเนื่องยาวมาจนถึงปัจจุบัน

แมวบริติช (british)

ลักษณะของแมวบริติช

ขนาด : แมวบริติช เป็นแมวขนาดกลางถึงใหญ่

น้ำหนัก : เฉลี่ยประมาณ 3.5-9 กิโลกรัม

รูปร่าง : ตัวกลม หัวกลม แก้มยุ้ย จมูกโค้งรับกับตา หูตั้งเป็นสามเหลี่ยม หางสั้นหนา ขนสั้นหนานุ่ม

สีสันและลวดลาย : แมวบริติชมีสีสันที่หลากหลาย ดังนี้

สีขน : ขาว / ดำ / น้ำตาล / ลายสลิด / ลายสวาท

ดวงตา : สีเหลืองอมส้ม / กลมโตรูปทรงคล้ายนกฮูก

อายุ : เฉลี่ยโดยประมาณ 15-20 ปี หรือมากกว่านั้น

การสืบพันธุ์และวงจรชีวิตของแมวบริติช

แมวบริติชเพศผู้ 

เริ่มเข้าสู่ช่วงวัยเจริญพันธุ์เมื่อมีอายุโตเต็มที่ประมาณ 6 เดือนขึ้นไป สามารถผสมพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี และไวต่อปฏิกิริยาเมื่อเพศเมียปล่อยฟีโรโมนออกมา

แมวบริติชเพศเมีย

เริ่มเข้าสู่ช่วงวัยเจริญพันธุ์เมื่อมีอายุโตเต็มที่ได้ประมาณ 6 เดือนเป็นต้นไป เพศเมียจะมีรอบเดือนปีละ 2-3 ครั้ง โดยจะมีรอบเดือนครั้งละประมาณ 19-24 วัน ในช่วงระหว่างที่เพศเมียไข่สุขเต็มที่จะปล่อยสารฟีโรโมนออกมาเพื่อดึงดูเพศผู้

วงจรชีวิตของแมวบริติช

หลังจากที่ผสมพันธุ์กันและเกิดการปฏิสนธิอย่างสมบูรณ์แบบเพศเมียจะตั้งท้องประมาณ 63 วัน คลอดลูกได้ครั้งละ 2-5 ตัวต่อครอก เริ่มลืมตาและเดินเมื่อมีอายุครบประมาณ 2 สัปดาห์ เริ่มหย่านมและออกห่างจากแม่เมื่อมีอายุประมาณ 8-10 สัปดาห์

ลักษณะนิสัยของแมวบริติช

แมวสายพันธุ์บริติชมีลักษณะตัวกลมที่มาพร้อมกับความสุภาพอ่อนโยน รักความสงบ มีความซื่อสัตว์ รักเจ้าของ ชอบทำตัวติดเจ้าของเป็นอย่างมาก แต่ก็สามารถเข้ากันง่ายกับคนทั่วไป เหมาะกับการนำมาเลี้ยงเป็นเพื่อนเด็กเล็ก หรือคนแก่ เพราะจะสามารถช่วยให้บำบัดคลายเคลียดได้เป็นอย่างดี ขี้อ้อนชวนเล่นตลอดเวลา เมื่อเล่นด้วยแล้วแมวจะแสดงท่าทางของความสุข ความรักออกมาได้อย่างชัดเจน เลี้ยงง่ายสามารถเล่นได้กับพื้นที่จำกัดเช่น คอนโด หรืออพาร์ทเมนต์เป็นต้น

คำแนะนำในการดูแลแมวบริติช

พื้นที่ที่เหมาะสำหรับเลี้ยงแมวบริติช

สำหรับแมวสายพันธุ์บริติชนั้นสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกสถานที่ตามสิ่งแวดล้อมรอบข้างที่แตกต่างกันออกไป ถือว่าแมวอีกชนิดที่อยู่ง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีพื้นที่ให้เล่น ให้ปีนป่ายด้วยเช่นกัน เพราะการเล่นการปีนไปมาเปลี่ยนบรรกาศใหม่ ๆ ก็ยังช่วยให้แมวอารมณ์ดี ส่งผลให้มีอายุยืนยาวไปอีกหลายปี

อาหารที่เหมาะสำหรับแมวบริติช

ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญและเรื่องใหญ่ที่สุดสำหรับอาหารที่มีประโยชน์ต่อแมวสายพันธุ์นี้ เนื่องจากแมวบริติชเป็นแมวสายพันธุ์ใหญ่ และใช้พลังงานสูงกับกิจกรรมต่อวัน ดังนั้นอาหารที่เหมาะสมควรอุดมไปด้วย สารอารหารที่มีโปรตีนสูงที่ได้จากเนื้อไก่ หรือเนื้อปลา สารอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต ไขมันต่ำ รวมไปถึงวิตามินต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ขนยาวเร็ว นุ่มสวยงาม ซึ่งอาหารสำหรับแมวที่นิยมมีดังนี้ อาหารเม็ดสำหรับแมวบริติช อาหารเปียกสำหรับแมวบริติช และอาหารที่ทำเอง ควรเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด รสเค็มเป็นต้น 

การดูแลทำความสะอาดแมวบริติช

แมวสายพันธุ์นี้เป็นแมวที่ขนสั้นและหนา ทั้งยังเป็นแมวที่รักความสะอาดหากร่างกายสกปรกเขาก็จะมีวิธการดูแลความสะอาดเอง ดั้งนั้นหากเจ้าของต้องการดูแลทำความสะอาดก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอาบน้ำให้บ่อย อาบเฉพาะช่วงที่รู้สึกว่ามีกลิ่นก็เพียงพอในส่วนนี้สามารถแปรงขนทดแทนเอาจะดีกว่าเพื่อเป็นการผลัดขนที่หลุดแล้วออกให้ดู เพื่อกระตุ้นให้เกิดขนใหม่ขึ้นมา แปรงขนอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ การทำความสะอาด ใบหู ก็สำคัญเพื่อช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย ปกป้องการติดเชื้อต่าง ๆ เป็นต้น

การดูแลด้านสุขภาพของแมวบริติช

แมวสายพันธุ์บริติชเป็นแมวที่มีขนาดกลางไปถึงใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งเฉพาะตัว ชอบการปีนป่าย ชอบเล่น ทั้งยังมีขนที่ยาวและหนา ดังนั้นหากดูแลรักษาด้านความสะอาด ด้านอาหารการกินได้ไม่ดีพอก็อาจจะนำไปสู่โรคภัยต่าง ๆ ที่จะตามมา ซึ่งแมวสายพันธุ์นี้มักจะเกิดโรคต่าง ๆ ได้ง่าย ดังนี้ โรคไข้หวัดแมว พิษสุนัขบ้า โรคหัดแมว เป็นต้น และอาจจะเกิดการติดเห็บหมัด พยาธิ ฟันพุ โรคอ้วน ความเครียด หรือซึมเศร้าได้ง่าย

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : storiecats.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ : แมวเบงกอล (bengal cat)